วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปุ๊ ระเบิดขวด


ปุ๊ ระเบิดขวด ฉายาที่ได้มาทั้ง ๆ ที่ไม่เคยใช้ระเบิดขวดเลยสักครั้งในชีวิต

ไท ตรอกงิ้ว ปรายตาผ่านบุหรี่สี่มวนพร้อมทั้งกล่องไม้ขีดในจานสังกะสีใบเล็ก ที่เด็กเสริ์ฟยกมาวางลงบนโต๊ะอย่างไม่แยแส ขณะที่เปี๊ยกบ้านแขกกับเพื่อนหยิบไปจุดสูบโรยควันกรุ่น ช่วงเวลาเดียวกัน วัยรุ่นหนุ่มสาวหกเจ็ดคนที่เพิ่งเข้ามาในร้าน

และนั่งล้อมโต๊ะอยู่อีกมุมหนึ่งก็แย่งกันคุยเรื่องเพลงใหม่ของเฟเปี้ยนกับแฟรงกี้ อะวาล่อน ดังจ๊อกแจ๊กจอแจแซ่แซ่ว

ทันทำให้ไทออกจะหงุดหงิดรำคาญหูอยู่ไม่น้อย เขาขยับจะก้มลงดูดโอเลี้ยงในแก้วตรงหน้าตัวเองแก้เซ็งแต่ก็ต้องชะงักและ

สะ ดุ้งยึก เมื่อเหลือบเห็นหนุ่มทีนเอจอีกกลุ่มก้าวผ่านหน้าร้านเข้ามาโขยงบะเร่อ อะไรไม่ว่าคนนำหน้าเป็นหัวโจกคือ ปุ๊ ตรอกสาเก ตัวแสบที่ไม่มีใครอยากตอแย เพียงเห็นแว่บเดียวเขาก็รู้ได้ในฉับพลันด้วยสัญชาตญาณว่าคนกลุ่มนี้มาด้วย จุดประสงค์ใด

ไอ้ปุ๊….”

ไทหลุดอุทานตื่นเพริดได้คำเดียว เจ้าถิ่นบางลำภูกับคู่ซี้หล่อ สะพานขาว ก็ทะยานนำเหล่าลิ่วล้อพราดมาถึงโต๊ะ

เปี๊ยก บ้านแขก ซึ่งนั่งตรงข้ามกันเพียงแต่ทันได้หันขวับไปมองหลังมือขวาของปุ๊ก็ตะบันเข้าเต็มกราน

ผัวÐ…

เปี๊ยกถึงกับหน้าสะพัดหงายเริ่ด บุหรี่หลุดจากปากปลิวคว้างก่อนที่เจ้าตัวจะพลัดหล่นจากเก้าอี้เอียงสีข้างลงตบพื้นดังพลั่ก

กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่นั่งจ้อกันเรื่องเพลงอยู่อีกโต๊ะแตกฮือ และแล้วก็ตามด้วยเสียงผู้หญิงหวีดร้องกรี๊ดกร๊าดแสบแก้วหู

ไทย ตรอกงิ้ว เด้งผึงออกจากโต๊ะโดยมีเก้าอี้ตัวหนึ่งติดมือกระชับมั่น แต่เพื่อนที่เหลืออีกคนไม่ทันได้ไปไหนไกล

แค่ทะลี่งลุกขึ้นก็เจอกำปั้นของเจ้าถิ่น บางลำพู จ้วงเจ้าตรงปากครึ่งจมูกเต็มเงี่ยงเต็มงา  

โชะ.....

บุหรี่ปลิวหวือพร้อมกับเลือดปนน้ำลายกระเซ็นว่อน

พี่แกโครนตึงลงไปหงายเก๋งกับพื้นใกล้ๆ เปี๊ยก บ้านแขก ก่อนที่ทั้งสองจะถูกรวบบาทารุมกระทืบเตะถีบอย่างเมามัน

ทว่า ทันได้ยำกันไม่กี่ตีน ไท ตรอกงิ้ว ก็โลดเข้าไปประเคนเก้าอี้ลงบนหลงไหล่หนึ่งในกลุ่มสุดแรง

โครม

หมอนั่นทำอาการกระตุกทะลึ่งพรวด หลังแอ้หลังแอ่นเซถลา ไทหมุนขวับไปหาอีกคนที่อยู่ใกล้สุด ไม่ใช่ใครอื่น

วัยรุ่นหน้าจืด หล่อ สะพานขาว เก้าอี้ทีเงือดเงื้อขึ้นสูง เหนี่ยวขวับลงไปสุดลิ่มทิ่มประตู

โครม

มัน กระหน่ำลงบนท่อนแขนซ้ายของไอ้รุ่นหน้าจืดที่ตวัดขึ้นรับดังสนั่น เสี่ยววินาทีติดต่อกัน หล่อ สะพานขาว ก็ สะอีกสวนเข้าประชิดพร้อมด้วยมีดสั้น อาวุธประจำกายซึ่งฉกออกมาจากที่ซ่อนเขากระแทกปลายมีดแหลมเฉียบ

เข้าตรงชายโครงคนใช้เก้าอี้เป็นเครื่องทุ่นแรงอย่างดุดัน ไทย ตรอกงิ้ว สะดุ้ง เฮือก

โอ๊ยย์ กูถูกแทง

เขาร้องลั่น ก่อนจะปล่อยเก้าอี้หลุดมือล้มลงไปนอนกุมชายโครงซ้ายดิ้นเร่า เลือดแดงฉาดที่ทะลักออกมาชุ่มโชก

ทำให้เสียงหวีดร้องกรี๊ดกร๊าดระเบ็งลั่นขึ้นอีกคำรบหนึ่ง หล่อ สะพานขาว ซึ่งยังกำมีดติดมือหมุนตัวเผ่นอ้าวออกจาก

ร้าน สัมพันธ์อย่างไม่รอช้า และโดยมีปุ๊ ตรอกสาเกกับเหล่าลิ้วล้อกรูเกรียวตามหลังเป็นพรวนวัยรุ่นอันตรายทั้งกลุ่ม หายลับไปจากที่เกิดเหตุในชั่วพริบตา

 

วังบูรพาภิรมย์

ยุค นั้น ย่านนี้ซึ่งเรียกกันสั้นๆว่า วังบูรพาเป็นสถานที่เที่ยวเตร่พักผ่อนหย่อนใจและช้อปปิ้งหนึ่งในจำนวนไม่กี่แห่งของ คนกรุง รวมทั้งเหล่าทีนเอจโก๋กี๋ออร์เหลนทุกระดับ เพราะวังบูรพามากมายไปด้วยร้านรวงขายของสารพันห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล

ก็ก่อตั้งขึ้นที่นี่เป็นแห่งแรก แถมยังมีโรงภาพยนต์ชั้นหนึ่ง คือ คิงส์แกรนด์ และควีนส์ รวมกันเป็นกระจุกอยู่ถึงสามโรง

และ เมื่ออ้อมไปด้านหลังหรือที่เรียกกันว่า หลังวังนี่เองเป็นที่ตั้งของ ร้าน หรดี”  แหล่งมั่วสุมสิงสู่ที่บรรดาวัยรุ่นหนุ่มคะนอง มักจะแวะเวียนมาพบปะนั่งละเลียดโอเลี้ยงกันทุกเมื่อเชื่อวัน

บ่ายมากแล้ว ขณะที่ปุ๊ ตรอกสาเก แดง ไบร์เล่ย์ กับไอ้รุ่นหน้าจืด หล่อ สะพานขาว ก้าวลอดใต้กันสาดเข้าไปในร้านซึ่งกำลังว่างคน

หลังจากข้ามสะพานพุทธฯ ไปอาละวาดที่ร้านสัมพันธ์ เล่นงานวัยรุ่นฝั่งธนฯ ซะอ่วมอรทัยทั้งยังเจ็บสาหัสด้วยมีดของหล่ออีกหนึ่ง

หน่อคราวนั้น เจ้าถิ่นบางลำภูก็เลิกคิดที่จะตามราวี ปุ๊ วัดมอญ เขาถือว่าสามารถ เอาคืนได้ในระดับที่น่าพอใจและก็เตร็ดเตร่

สร้างบารมีอยู่แต่ในฝั่งพระนคร ทั้งสามเลือกนั่งโต๊ะตัวเก่าเจ้าประจำสั่งโอเลี้ยงและบุหรี่ปลีกซึ่งใส่จานสังกะสีมาพร้อมด้วยไม้ขีด

ตามสูตร

แดง ไบร์เล่ย์ ไม่ใช่คนชอบสูบบุหรี่แต่เมื่อปุ๊จุดส่งให้เขาก็รับมาอัดควันเล่นไปเรื่อยเปี่อยสามเกลอนั่งคุยกันเงียบๆอยู่ไม่นานนัก

หนุ่ม รุ่นอีกนายหนึ่ง ซึ่งเป็นสมาชิกร่วมแก๊งระดับลูกแถว ก็เดินเลี้ยวเข้าร้านปราดมาจ่อมก้นลงร่วมโต๊ะและพอเจอหน้า หมอก็มี เรื่องมาให้

ปุ๊ เมื่อวานเราโดนพวกไอ้เหล็งไล่กระทืบ

เจ้าถิ่นบางลำภูหูผึ่ง ตาลุกวาว ลักษณะนิสัยเขาเป็นหยั่งงี้เอง รู้ว่าสมัครพรรคพวกถูกรังแกเมื่อไหร่เป็นต้องร้อนขึ้นมาเมื่อนั้น

ฝ่ายใดจะผิดถูกยังไงไม่สำคัญ เขาต้องเอาเพื่อนไว้ก่อนทุกงาน ปุ๊ ตรอกสาเก อัดบุหรี่อีกพรืดแล้วทิ้งลงกับพื้นใช้ส้นเกือกขยี้ดับพลาง

แค่นเสียงถาม

ไอ้เหล็งไหนวะ ?

ไอ้เหล็ง นมเย็น เด็กพานขาว

ปุ๊หันขวับมาทางหนุ่มหน้าจืด

พวกนายรึเปล่าวะ?

หล่อสะพานขาวสั่นศรีษะ

ไม่ แค่เคยเห็นหน้ากัน

แปลว่าเล่นได้...

แน่นอน

เจ้าถิ่นบางลำภูหันไปเลิกคิ้วกับไอ้รุ่นคนมาฟ้อง

เอ็งไปถูกไล่กระทืบที่ไหน ?

หมอนั่นทำตาแซ่ว

ก็สะพานขาว มันอยู่กันแถวนั้น

หมายความว่าถ้าจะแก้คืน....

ก็ต้องไปลุยที่นั่¹  หล่อเอ่ยสอ´ พวกไอ้เหล็งมักสุมหัวกันอยู่แถวร้านนาฬิกาข้างๆ นารายณ์ภัณฑ์

พวกมันมีซักเท่าไหร่?

ที่ไล่เหยียบเรามีแค่สามสี่คน .... ลิ่วล้อชั้นลูกแถวตอบอ่อยๆ

แต่ถ้าจะนับรวมทั้งหมดก็เป็นสิบ

งั้น.เอ็งไปตามพวกวัดมหรรณพ์มา ซักเจ็ดแปดคน บอกว่าข้ามีงาน

แค่เจ็ดแปดคน มันจะไหวรื้ออ ?

ไหวสิ ข้า...แดง  กะหล่อจะระดมพวกมหานาคมาสมทบอีกส่วนหนึ่ง

อ้อ

เอ็งรีบไปรวบรวมคนก็แล้วกัน ใครมีของอะไรเตรียมมาให้พร้อม

จะเอาด่วนรึเปล่า ?

ด่วนที่สุด

เดี๋ยว ปุ๊กะจะถล่มพวกไอ้เหล็งวันไหน?

วัยรุ่นอันตรายจากตรอกสาเก ก้มลงดูดโอเลี้ยงกลั้วคอเต็มอีกก่อนทิ้งเสียงเฉียบ

วันนี้แหละ

 พลบค่ำ

รถประจำทางคันหนึ่งซÖèงวิ่งมาจากทางด้านผ่านฟ้า เคลื่อนเข้าป้ายริมถนนหลานหลวงก่อนถึงย่านสะพานขาวแล้วเบรกเอียด

เด็ก หนุ่มกลุ่มใหญ่กว่าสิบนาย กระจายกันลงทางประตูหน้าหลังอย่างรวดเร็ว หัวโจกคนนำทีมไม่ใช่ใครที่ไหน ปุ๊ ตรอกสาเก ซึ่งเคียงข้างด้วยแดง ไบร์เล่ย์ กับนักสู้หน้าจืด หล่อ สะพานขาวพอรถเมล์เร่งเครื่องออกจากป้ายตะบึงผละไปเจ้าถิ่นบางลำภูก็

กวาดตา มองพลพรรคที่ยืนรายเรียงกันสลอนพลางเอ่ยลอยๆ

หวังว่าคงเตรียมของกันมาพร้อมนะ

หลังเสียงเปรยของพี่เอี้อยใหญ่ หลายคนงัดเอาดาบและมีดที่ซุกซ่อนไว้ออกมาโชว์ บางรายมีไม้ดุ้นเหมาะมือหรือไม่ก็สนับทองเหลือ

แต่ไอ้รุ่นนายหนึ่งจากย่านวัดมหรรณพ์แสบกว่าใคร เพราะนอกจากจะพกอีดาบยาวหวิดศอกหมอยังบอกด้วยสีหน้าฉาบรอยยิ้ม

กระหยิ่มลำพอง

เรายังมีของดีอีกอย่างนึง

เอ่ยจบ พ่อยอดชายค่อยๆ ล้วงเอาสิ่งหนึ่งจากในย่ามที่สะพายไหล่ขึ้นมาชูอวด ปรากฏว่ามันเป็นขวดสีชาใบย่อมปิดฝาแน่นสนิท

ปุ๊ ตรอกสาเก ฉวัดตามองแล้วเลิกคิ้ว

ระเบิดขวด ?

ไอ้รุ่นจากวัดมหรรณพ์พยักหน้าหงึก

ใช่ ปุ๊เคยเห็นฤทธิ์เดชของมันรึเปล่าล่ะ

ยังเลย

งั้น..วันนี้ได้ดูแน่

มันร้ายกาจซักแค่ไหนว่ะ?

ไม่รู้เหมือนกัน

อ้าÇ

àราเองก็ไม่เคยใช้ ได้ยินแต่พรรคพวกมันคุยว่าเด็ดสะระตี๋ยิ่งกว่าปืนซะอีก

เออ ขอให้สามราคาคุยเถอะ เก็บไว้ก่อนเดี๋ยวเกิดระเบิดเปรี้ยงปร้างซะตรงนี้จะซวยกันเปล่า

หมอนั่นบรรจงหย่อนขวดหลับคืนลงในย่ามตามคำสั่งโดยไม่อิดเอื้อน ส่วนขาใหญ่เจ้าถิ่นบางลำภู หันไปขมวดคิ้วกับหนุ่มรุ่นหน้าจืด

ร้านนาฬิกาที่ว่าอยู่อีกไกลมั้ย?

หล่อ สะพานขาว วาดมือชี้ป้ายรถเมล์ถัดไปซึ่งอยู่ไกลพอประมาณ แต่ก็มองเห็นได้จากแสงไฟที่สาดออกมาจากร้านค้าตรงนั้น ว่ามีเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งยืนสุมกันอยู่เป็นโขยง

โน่นไง

ปุ๊ ตรอกสาเก หรี่คาดคะเน  

ที่เห็นยืนออกันหน้าร้าน คงเป็นพวกไอ้เหล็ง

ก็น่าจะใช่

งั้นไป กันเลย ลุย

พร้อมกับการกระแทกเสียงดุดันคำท้าย ไอ้หนุ่มอันตรายจากตรอกสาเกไหวตัวก้าวพรวดออกนำทันควัน พรพรรคทั้งกลุ่มตบเท้า

ตามติดอย่างกระเหี้ยนกระหือฮีกเหิม เพราะที่เห็นเบื้องหน้าคือสมรภูมิและทุกคนไม่ผิดอะไรกับนักรบคะนองศึก อเวจีเป็นพยาน

วินาทีเลือดหลั่งกำลังจะมาถึงในอีกไม่นานเกินรอวัยรุ่นย่านสะพานขาวหกเจ็ดคนที่ยืนจับกลุ่มกันตรงป้ายรถประจำทางหน้า

ร้านนาฬิกา ก็ใช่ว่าจะไม่สำเหนียกภัยความเคลื่อนไหวของหนุ่มทีนเอจโขยงใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ยกขบวนล่องมาตามบาทวิถี

ฝั่งทิศเหนือของถนนหลานหลวง แม้จะยังมองไม่เห็นถนัดชัดเจนเนื่องจากเป็นช่วงหัวค่ำกำลังขมุกขมัวเข้าไต้เข้าไฟแต่มันก็

ทำให้บางคนเริ่มเอะใจไหวระแวงหนึ่งในกลุ่มซึ่งใส่กางเกงขาสั้นสะกิดคนไว้ผมสไตล์เอลวิสปาดชโลมด้วยน้ำมันเหนียว

ยี่ห้อตันโจติ้กหนาเตอะ พลางเอ่ยอย่างหวาดๆ

ข้าว่าไอ้พวกนั้นจะไม่มาดีนะเหล็ง

หมอนั่นแฉลบตามองแผงกองกำลังดำตะคุ่มที่รุกคืบใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วพยักหน้า

ข้าก็รู้สึกแปลกๆ แต่หวังว่าคงไม่เกี่ยวกะเรา

ไม่แน่นะ.งข้าสังหรณ์ชอบกล

ยังไงล่ะ ?

เอ็งลือซะแล้วเรอะ ?

เมื่อ วานเราตบโก๋หลังวังคนหนึ่งสะหัวทิ่ม แถมยังไล่กระทืบมันวิ่งเตลิดเปิดโปงรอดตีนไปได้หวุดหวิด ไอ้หมอนั่นข้าคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเห็นเดินกะปุ๊ ตรอกสาเก เจ้าของทรงผมเลียนแบบราชาร็อคแอนด์โรล ผงกศรีษะเนิบช้าพลางพึมพำ

ตัวดังนี่หว่า ข้าไม่เคÂเห็นหน้าค่าตา แต่ก็รู้ว่ามันซ่าอยู่แถวบางลำภู

วัยรุ่นขาสั้นกลอกตามองเด็กหนุ่มกลุ่มนั่นซึ่งยังอยู่ห่างกันไม่กี่สิบเมตร แล้วตวัดเสียงกับคู่สนทนาข้าของฉายา เหล็ง นมเย็น

ไม่ใช่ซ่าธรรมดา มันขาใหญ่เลยละ

อีกฝ่ายเลิกคิ้ว

เอ็งกลัวว่าจะเป็นไอ้ปุ๊จะยกพวกมาแก้คืน ?

ใช่

สะพานขาวถิ่นเรานะ เป็นไปได้รึที่มันจะกล้าล้ำแดน ?

เหล็§  คนใส่ขาสั้นทอดเสีย§ เอ็งคงไม่รู้ว่าไอ้ปุ๊เคยข้ามไปคิดบัญชีกะคู่อริถึงฝั่งธนฯสะพานขาวใกล้แค่นี้ทำไมมันจะมาไม่ได้ ?

ถ้างั¹ ?

กันไว้ดีกว่าแก้ เชื่อเถอะ เกิดมันเป็นอย่างที่ข้าว่าเข้าจริงๆ เดี๋ยวจะแก้ไม่ทัน

เหล็ง นมเย็น เหลียวมองในร้านนาฬิกาซึ่งมีสมมชิกร่วมแก๊งนั่งสุมกันอยู่อีกชุดหนึ่ง ก่อนหันมาเอ่ยเครียดๆ

เอ็งเข้าไปบอำกพวกข้างในให้เตรียมของไว้ผิดนักก็ได็โซ้ยกันแหลกไปข้างนึงละวะ

ไอ้ รุ่นขาสั้นไม่ปริปากโต้แย้ง มันหมุนตัวเผ่นเข้าร้านนาฬิกาอย่างไม่โอ้เอ้ และเพียงชั่วอึดใจต่อจากนั้น ปุ๊ ตรอกสาเก แดง ไบร์เล่ย์ และหล่อ สะพานขาว ก็นำขบวนนักสู้วัยคะนอรุกมาถึง พอประจันหน้ากันกลางแสงสว่างที่สาดออกมาจากร้านรวงบริเวณนั้น หล่อก็เหยียดนิ้วชี้หัวโจกวัยรุ่นคุมถิ่นโดยไม่ลังเล

ไอ้นี่แหลÐ

แทบไม่ทันขาดคำท้าย แดง ไบร์เลย์ ก็โลดผึงออกหน้าโผนเข้าใส่พี่เอื้อยประจำถิ่นชนิดที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งตัว

กำปั้นขวาติดสนับทองเหลืองสี่เงี่ยงแข็งปั๋งเหวี่ยงขวับเข้าหาปากครึ่งจมูกหมายเลาะฟันทั้งแผงให้กระจุย

ÍêÐ

เหล็ง นมเย็น หลุดอุทานตื่นๆ พร้อมทั้งพงะยืดคางหลบด้วยสัญชาตญาณสนับมือเลยพลาดเป้าแต่ก็ไม่ไร้ผล

มันโขกตูมเข้าตรงยอดอก เต็มดอกเต็มดวง

Ôêก...

อัก¡....

คนถูกชกสำลักเสียงสั้นๆ แยกเขี้ยวเบี้ยวปากกระเด้งถอยกรูด พริบตานั้น บรรดานักสู้จากต่างถิ่นภายใต้การนำของ

สามหนุ่มอันตราย ก็ดาหน้าทะยานเข้าลุยปรปักษ์อย่างฮึกเหิม วัยรุ่นสะพานขาวจากในร้านนาฬิกาก็ฉวยมีดไม้

เครื่อง ทุนแรงประดามี กรูเกรียวออกสมทบกับพวกข้างนอกทันๆกัน ชาวประชาผู้ไม่รู้อิโหนอิเหน่ที่ยืนรอรถเมล์อยู่ใกล้ๆป้ายสี่ห้าคน กระเจิงหนีกันจ้าละหวั่นด้วยความตื่นตระหนกพรั่นพรึง พร้อมทั้งส่งเสียงเอะอะโวยวายกรี๊ดกร๊าดลั่น ขณะเดียวกัน นักบู๊รุ่นเยาว์ทั้ง

สองฝ่ายต่างก็สัประยุทธ์ห้ำหั่นกันด้วยอาวุธของใครของมันอย่างดุเดือดเลือดพล่านทั้งมีดไม้เงื้องัดกวัดแกว่ง ตีแทงปิดป้องโต้ตอบ

ฟาดฟันกันโดยไม่คำนึงถึงเป็นตาย เสียงอาวุธกระทบเป้าผัวะผะบึ้กบั้กเสียงสบถเกรี้ยวกราดและเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

ดังคละเคล้ากันฟังไม่ได้ศัพท์ รถประจำทางสองคันซึ่งตะบึงข้ามสะพานมาจากยมราชพากันเบรกพรึดเมื่อผ่านที่เกิดเหตุ

แล้ว จอดแช่อยู่คนละฟากถนน ผู้โดยสารในรถเฮละโลมาออกันทางแถบขวาชะเง้อชะแง้มองลอดหน้าต่าง สอดส่ายตาจับภาพการต่อสู้ชนิดถึงเลือดถึงเนื้อที่อุบัติขึ้นริมถนนฝั่งตรง ข้ามอย่างตื่นระทึกและสนใจใคร่รู้วิสัยไทยแท้

ชอบแห่ดูมันซะทุก เรื่อง บางครั้งขนาดต้องเสี่ยงกะลูกหลงก็ยังยอม ใจรักซะไม่มี  ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายสับสนอลหม่าน และบรรยากาศอันดุดันเหี้ยมเกรียม วัยรุ่นเจ้าถิ่นสะพานขาวซึ่งมีการเตรียมพร้อมน้อยกว่า ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเห็นได้ชัด

บางคนถูกตีล้มลุกคลุกคลาน บางรายก็หัวร้างข้างแตก ถูกมีดถูกไม้ได้เลือดกันเป็นระนาวและขณะที่ส่วนใหญ่ทะยอยถอยร่น

เข้าไปในร้านนาฬิกาไอ้รุ่นตัวดีจากย่านวัดมหรรณพ์ก็เงื้อง้าอีดาบไล่ตามอย่างไม่ลดละซึ่งก็คงได้ฟันใครอีกซักฉัวะหากไม่ผลีผลาม

พลาดท่าไปเจอไม้พลองเหวี่ยงสกัดเข้าใต้ข้อศอกไม่จังนักกระนั้นก็ทำเอาดาบหลุดกระเด็นเมื่อไม่มีดาบเป็นอาวุธเด็กหนุ่มก็จำต้องหยุด

รุกไล่แต่ยังไม่เลิกรา เขาล้วงมือลงไปในย่านที่สะพายติดตัว กำเอาขวดสีชาแก่ขึ้นมาแล้วร้องบอกพรรคพวก

เฮ้ย ถอยออกมาก่อน ถอยเรçÇ

ขาดคำ ขวดใบย่อมถูกโยนลอยละลิ่วเข้าไปในร้านอย่างไม่รั้งรอ พริบตาติดต่อกัน เสียงแตกตัวของระเบิดเคมีก็แผดกัมปนาทกึกก้อง

µÙÁ

กลุ่มควันสีขาวหนาทึบ สาดพรวดออกมาจากในร้านนาฬิกา ตามด้วยเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดสาหัสประสานกันระงม

และพอควันจาง ภาพที่ปรากฏในร้านก็คือร่างโชกเลือดของเจ้าถิ่นสะพานขาวหลายนายทอดกายระเกะระกะอยู่กับพื้นที่ซึ่งเกลื่อน

ไปด้วยเศษวัสดุสารพันบิดทุรนทุรายและโอดโอยแข่งกันอึงคะนึงไม่แต่เพียงเท่านั้นหนึ่งในจำนวนพลรบฝ่ายรุกรานก็ยังเจอสะเก็ด

ระเบิดพวกเดียวกันเองบาดเจ็บไม่น้อย ปุ๊ ตรอกสาเก แดง ไบร์เล่ย์ หล่อ สะพานขาวรวมทั้งเหล่าพวกพ้องบริวารถึงกับ

ตะลึงเซ่อไปทั้งเทือก ทุกคนไม่เคยใช้ระเบิดขวด ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าอานุภาพของมันจะรุนแรงร้ายกาจขนาดนี้

เพราะ รูปลักษณ์ภายนอกมันเป็นเพียงขวดใบเล็กๆ ไม่น่าจะมีพิษสงอะไรสักเท่าไหร่ที่ไหนได้ตูมเดียวร่วงระเนเป็นโขยง และไม่รู้จะมีใครถึงตายมั่งรึเปล่า? ปุ๊ ตรอกสาเก ตะลึงขึงขังจังงังกับฤทธิ์เดชของระเบิดขวดอยู่ร่วมอึดใจถึงได้สติ

และพร้อมกันนั้นสมองก็สั่งการให้ฉับพลัน

หนี..

เพราะหามีคนตาย ใครก็ตามที่พลาดพลั้งให้ตำรวจจับได้ต้องรับโทษทัณฑ์ขั้นอุกฤษฏ์แน่นอนเขาหันขวับไปทางเพื่อนร่วมแก๊งที่ยัง

พากันยืนเงอะงะ ทำอะรไม่ถูกและตวัดเสียงร้อนรน ทุกคนหนีเร็ว แยกย้ายกันไป ไม่มีใครรอให้เตือนซ้ำเด็กหนุ่มคะนองเลือดทั้ง

กลุ่ม กระจายพรึ่บไปคนละทิศ เสียงฝีเท้าควบสุดฤทธิ์เตลิดออกจากที่เกิดเหตุ ดังระรัวแข่งกันสับสนบางส่วนกระโจนลงถนน สับตีนตะบึงตัดข้ามไปยังอีกฟากฝั่งอย่างไม่กริ่งเกรงว่ารถราจะพุ่งชน คนขับเสียอีกที่ต้องตาลีตาเหลือกกระทืบเบรกกันให้วุ่น

ไม่ถึงครึ่งนาที วัยรุ่นฝ่ายรุกรานก็สลายตัวไปจากบริเวณนั้นเรียบวุธ ที่เหลือทิ้งไว้ข้างหลังก็คือซากปลักพังแตกหักแหลกวินาศของ

วัสดุอุปรณ์สารพัดในร้านนาฬิกาซึ่งถูกถล่มทลายด้วยระเบิดเสียหายับเยิน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีร่างโชกเลือดของบรรดาเจ้าถิ่น

สะพานขาวหลายนายนอนดินทุรนทุรายกลิ้งเกลื่อน และมันแย่หนักเข้าไปอีกตรงที่ส่วนใหญ่บาดเจ็บสาหัส

 คืน นั้น หล่อ สะพานขาว เผ่นหนีไปกับแดง และอาศัยหลบซ่อนที่บ้านของฝ่ายหลงในตรอกไบร์เล่ย์ ส่วนปุ๊ ตรอกสาเก กับลูกทีมจำนวนหนึ่งแห่กันไปค้างที่บ้านเพื่อนย่านถนนบุญศิริ ซึ่งหากหล่อกับแดง ติดกลุ่มไปด้วยก็เป็นอันว่าเสร็จ

ไม่พ้นมือกฎหมายเด็ดขาด เพราะก่อนรุ่งสางคืนเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กระจายกำลังเข้ารายล้อมบ้านหลังที่

เหล่า วัยรุ่นอันตรายสุมหัวกันซ่อนตัวอยู่ และจับกุมได้ โดยละม่อมทั้งชุด และแน่ละว่าพวกที่ถูกจับทุกคน ย่อมต้องเย็บปากตัวเองแน่นสนิทตามวิสัยลูกผู้ชายเต็มร้อย จะไม่มีการซัดทอดหรือแม้แต่ให้เบาะแสสืบสาวไปถึงตัวเพี่อนฝูงที่ยังไม่ได้ โดนรวบมันเป็นกฎเกณฑ์ข้อปฎิบัติที่พวกเขายึดถือกัน

อย่างเหนียวแน่น มั่นคง

แดง ไบร์เล่ย์ หล่อ สะพานขาว กับพวกพ้องร่วมขบวนการอีกส่วนหนึ่ง จึงแคล้วคลาดลอยนวลอยู่ได้โดยปลอดภัย

เช้าวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์รายวันต่างพาดหัวหน้าหนึ่งเสนอข่าวกันอย่างอึกทึกครึกโครมทุกฉบับรายงานข่าวละเอียดยิบเกี่ยวกับกรณี

วัยรุ่นสองกลุ่ม ก่อเหตุรุนแรงขั้นจราจลเข้าประจัญบานกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านที่สะพานขาวและปิดท้ายด้วยระเบิดขวดซึ่ง

สำแดงอานุภาพร้ายกาจน่าพรั่น และขาดไม่ได้ก็คือภาพถ่ายจองบรรดาเด็กหนุ่มคะนองเลือดที่จนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ

มันถูกตีพิมพ์หราปรากฎโฉมหน้าเป็นที่รู้จักไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปุ๊ ตรอกสาเก หรือที่ชื่อจริงตามทะเบียนสำมะโนครัวว่า

จำเริญ บุญยดิษฐ์  ในฐานะที่เป็นหัวโจกนำขบวนนักบู้ฝ่ายรุกแม้จะไม่ใช่คนใช้ระเบิดร้ายแรงถล่มคู่อริแต่เขาก็ได้ฉายาใหม

จากหนังสือพิมพ์แทนของเดิม นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ไม่ว่าฉบับใดก็เรียกเขาด้วยฉายาเดียวกัน

ปุ๊ ระเบิดขวด

และมันก็กลายเป็นฉายาติดตัวจนกระทั่งวาระสุดท้าย

ทั้งๆที่ปุ๊ไม่เคยใช้ระเบิดขวดแม้แต่ครั้งเดียว

ภาพหนังสือด้านล่าง ชื่อเรื่อง : เสื้อลายขวาง กับหนังสือเดินทาง 1/2 เล่ม
ผู้เขียน/แปล : ปุ๊ กรุงเกษม

เรื่อง ราวของชายหนุ่มเมื่อสมัยยุคอันธพาลปี 2501 เจ้าของฉายา "ปุ๊ ระเบิดขวด" ผู้คว่ำหวอดในวงการ หลังจากหมดยุค และได้ผันชีวิตสู่ลาวยันอเมริกาก่อเกิดมิตรภาพของการร่วมทุกข์ร่วมสุข หลากหลายการผจญภัย
ความโดดเด่นในงานเขียนของปุ๊ กรุงเกษม คืออารมณ์ของ นักแสวงหาอันไม่สิ้นสุด และมุมมองความสัมพันธ์กับเพื่อน ผู้หญิง ความรักในแบบฉบับกล้าได้กล้าเสียของชีวิต "นักเลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น